• Exp
  • WDR
  • Pro Slide Nvr4104
  • 192.168.1.88 Ch7 20161005190438 20161005190602
  • แจ้งเตือนหากวัตถุผ่านกรอบที่กำหนด

    ความรู้ทั่วไปของกล้อง CCTV

    สาย HDMI ยาวๆๆๆๆ มีมั้ย

    กล้องวงจรปิดสมัยนี้มีความคมชัดกว่าแต่ก่อนมาก ของเก่าเป็น Analog ความคมชัดระดับ 420 - 800  TVL มันก็ยังไม่ชัดเท่าไหร่

     เดี่ยวนี้เครื่องบันทึกจะไม่ทำช่อง AV ออกมาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ส่วนใหญ่ จะมี แต่ HDMI และ VGA เท่านั้น

     

    ก่อนอื่นพูดถึงข้อดีข้อเสียก่อน

     

    1. ช่อง AV อันนี้มีมานานแล้ว

     

     

     

    ข้อดี

      สามารถเดินสายได้ไกล ได้เป็น 500 เมตรก็ได้ 

    ช่องนี้สามารถเอาเสียงออกมาที่ช่องนี้ได้โดยใช้สายอีกเส้นแยกต่างหาก

     

    ข้อเสีย

      ภาพไม่ชัด เข้าขั้นรับไม่ค่อยได้

     

    2. ช่อง VGA

     

     

     

    ข้อดี

      ชัดกว่าช่องสัญญาณ AV

    หากเดินสายไกลๆ ภาพอาจะ drop ลงไปบ้างเพราะยังส่งสัญญาณเป็นระบบ Analog อยู่

     

    ข้อเสีย

      ไม่สามารถเอาเสียงมาต่อได้ ต้องไปต่อออกลำโพงแยกต่างหาก ซึ่งเดินไกลๆ ยังไม่ได้ ระยะทางได้ประมาณ 30 เมตร ซึ่งต้องเป็นสายที่คุณภาพดีมากๆ ภาพถึงจะติด

     

     3. ช่อง HDMI

     

     

     

    ข้อดี

    ชัดกว่าที่สุด ภาพคมกริปเลย เพราะส่งสัญญาณแบบ digital

    เสียงมาพร้อม ภาพในสายเดียวกันเลย เสียบช่องเดียว ทั้งภาพและเสียงออกมาที่ ทีวีเลย

     

    ข้อเสีย

      สาย HDMI เกิน 15 เมตร ภาพมักจะไม่ค่อยติดแล้ว

      หากเดินสายไกลๆ ภาพจะไม่ติดเลย ภาพมีแต่ติดกับไม่ติด ไม่มีเบลอๆ เพราะเป็น digital มีแต่ 0 กับ 1  Yes กับ NO

     

     

     

    หากเราต้องการตั้งเครื่องบันทึกที่นึง แต่ให้ไปแสดงผลอีกที่นึง หากมันเกิน 10 เมตร ละเราจะทำยังไง?....

     

    ทีนี้ปัญหาเกิด เพราะเราซื้อกล้องรุ่นใหม่มา กล้องมันชัด แต่การแสดงผลมาไม่ชัด ถ้าไปต่อช่อง AV แล้วจะซื้อกล้องดีๆชัดมาเพื่ออะไร? อีกทั้งเราติดไมค์ เก็บเสียง แล้วเวลาเราจะฟังเสียง หากเราจะใช้ช่อง VGA เสียงก็ไม่มา ต้องหาลำโพงมาต่อตัวตัวเครื่องบันทึกอีก ทั้งๆที่ทีวีก็มีลำโพง.. จะหาลำโพงมาต่ออีกเพื่อ?

     

    มันก็เลยมาถึงพระเอกของเรา มันคือ ตัวขยายระยะทางสัญญาณ HDMI โดยผ่านสาย LAN (UTP)

     

     

     

     

     

    ทีวีแต่ละตัว จะมีช่องต่อสาย LAN มาให้ ส่วนอีกฟาก จะทำเป็นหัว HDMI สำเร็จมาให้เลย

     

     

     

     

     

    เราต้องใช้สาย LAN สองเส้นในการเดินไประหว่างเครื่องบันทึก กับ จอทีวี เสียบ

     

     

     

    ซึ่งตัวนี้มันเดินทางได้ในระยะไม่เกิน 30 เมตร ดู Spec

     

     

     

    ภาพที่ได้คมชัดไม่ต่างกันกับต้นฉบับครับ ขายมาแล้วหลายงานสบายใจได้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อินฟาเรด มีกี่แบบ ต่างกันมั้ย?

    พูดถึงภาพตอนกลางคืนหน่อย

     

         การทำงานของกล้องวงจรปิด โดยปกติแล้วกล้องจะมี sensor ที่สามารถตรวจสอบสภาพแสง ณ ขณะนั้นๆ ซึ่งจะตรวจสอบสภาพแสงตลอดเวลา ว่าสภาพแสงขณะนั้นๆน้อยกว่าที่ที่กล้องกำหนดเอาไว้หรือไม่

        

         ซึ่งปกติแล้ว สภาพแสงที่มากพอกล้องจะแสดงภาพออกมาเป็นภาพสี หากสภาพแสงน้อยกว่าค่าที่กำหนด กล้องจะแสดงภาพที่ถ่ายออกมาได้เป็นขาวดำ เป็นเรื่องปกติ

     

         โดยที่ภาพในสภาพแสงน้อย จะมีความคมชัดน้อยกว่าภาพที่เป็นสีอยู่แล้ว และภาพในสภาพแสงน้อย จะมี noise แทรกอยู่ค่อนข้างมาก เนื่องจากว่ากล้องพยายามจะเก็บรายละเอียดให้มากขึ้นแต่ยังคงต้องรักษา shuterspeed เอาไว้ จึงจำเป็นจะต้องเพิ่มความไวแสงของ CCD/ CMOS ขึ้น (ที่เราเรียกว่า ISO นั้นแหละ) ซึ่งการที่เพิ่มค่าความไวแสงนี้เองเป็นตัวที่ทำให้ noise เพิ่มขึ้น

     

         ทีนี้ บางครั้งการที่เราติดตั้งกล้องในสภาพที่มือสนิทนี้ จะทำให้ภาพที่ได้มี noise มากจนขาดความชัดเจนของภาพที่ได้ จึงได้มีการนำอินฟาเรดมาใช้กับกล้องวงจรปิด

     

         รังสีอินฟราเรด Infrared (IR) เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่างคลื่นวิทยุและแสงมีความถี่ในช่วง 1011 – 1014 เฮิร์ตซ์ มีความถี่ในช่วงเดียวกับไมโครเวฟ มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่างแสงสีแดงกับคลื่นวิทยุสสารทุกชนิดที่มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง -200 องศาเซลเซียสถึง 4,000 องศาเซลเซียส จะปล่อยรังสีอินฟราเรดออกมา ซึ่งไอ้เจ้า อินฟาเรดนี้ มันปล่อยความที่ที่ตาคนมองไม่เห็น (มันจึงไม่รบกวนมนุษย์ และไม่เป็นที่สะดุดตาของขโมย) แต่กล้องมันสามารถมองเห็นได้ และทำให้ภาพมี Noise ที่ลดลง ผลลัพท์คือมีภาพที่คมชัดชัดเจนขึ้น


         เมื่อ 5 ปีก่อนเราขายพวกกล้อง อินฟาเรดแบบที่เป็น LED ลักษณะ จะเป็นดวงเล็กๆ หลายๆหลอด ปัญหาของอินฟาเรดแบบเก่าๆ คือ

    1. มันร้อน ตัวความร้อนนี้แหละที่เป็นตัวเร่งที่ทำให้กล้องเสียไว (ภาษาวิทยาศาสตร์เรียกว่า catalyze)

    2. ภาพที่ได้จากอินฟาเรดแบบนี้ภาพ ส่วนที่เป็นสีดำมันจะไม่ดำสนิท ภาพจะฟุ้ง contrast ไม่ดี ภาพไม่สวย

    3. อินฟาเรดแบบ LED มันไม่ฉลาด เพราะมันจะส่งคลื่นออกมาเป็นค่าที่ตายตัว เวลาวัตถุหรือหน้าคนเข้ามาใกล้ๆกล้องภาพมันจะ Over จนขาวไปหมด มองไม่เห็นรายละเอียดของภาพ

     

         เดี๋ยวนี้ (10/3/2558) มี อินฟาเรดออกมาใหม่ เค้าเรียกว่า Smart IR หรือ Array มันมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นมาก เพราะ


    1. ร้อนน้อยลง ทำให้กล้องอายุการใช้งานได้ยาวนานขึน

    2. contrast ดีมากภาพคมชัด

    3. มันลดแสง เพิ่มแสง ได้ด้วยตัวกล้องเอง ทำให้ภาพที่ได้ไม่โอเวอร์ หรือ under จนฟุ้งกระจายหรือมืดเกินไป

    4. ภาพที่ได้ไม่สว่างเป็นวงในตอนกลางคืน

    5. เนื่องจากใช้หลอดเดี่ยว ทำให้ออกแบบให้กล้องมีขนาดเล็กลงได้กว่าเดิม

    6. ลำแสงไปได้ไกลกว่าเดิม บางรุ่นมี IR Array แค่สองหลอดส่องไปได้ไกล 40 เมตร รุ่น Speed Dome มี array ส่องได้ 70 เมตรก็มีเราก็ขายออกไปหลายสิบตัวแล้ว



     

         สรุปเลย คืน IR แบบ Array ดีกว่าทุกประการ แต่ปัญหาคือกล้องที่มีอินฟาเรดจะเป็นกล้องที่ไม่ใช่รุ่นประหยัดนะครับ เพราะว่าต้นทุนมาสูงอยู่ อาจจะต้องจ่ายเพิ่มสักเล็กน้อย เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดและมีประสิทธิภาพเวลาเอาไปเป็นหลักฐานจะได้ใช้งานได้


    สรุปอีกที ถ้าถามผมนะ ผมจะใช้กล้องที่มี Array เพราะภาพสวย และชัดเจน แม้ว่าจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกนิดก็ตาม

    หากถูกใจ ชอบภาพแบบนี้ ตามลิงค์นี้ไปดูราคาเลยครับ

     

    Harddisk กล้องวงจรปิด

    ตอนนี้มี Harddisk ความจุสูงสำหรับกล้องวงจรปิดออกมาใหม่

    เป็น Western digital สีม่วง สำหรับกล้องวงจรปิดโดยเฉพาะ...


    เค้าบอกว่า "ตลาดกล้องวงจรปิดโตมาก เค้าเลยให้ความสำคัญมากขึ้น เค้าว่างั้น"

     

    ตอนนี้เราขายเป็น Seagate surveillance สีม่วงทั้งหมดเลยนะครับ

    หลังจากนำมาขายได้สัก 6 เดือน เรารู้สึกได้ว่าอัตราการเคลม Harddisk ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ..แต่ก็มีเคลมนะครับ ไม่ใช่หายไปเลย ส่วนใหญ่ ที่ลูกค้าแจ้งว่า Harddisk เสียคือ ฟ้าผ่าใกล้ๆ ครับ (อันนี้ไม่รอดอยู่แล้ว)

    เคยมีอยู่ครั้งนึง ฮาร์ดดิสเสีย แล้วมีเหตุการณ์ พอดิบพอดี แล้วลูกค้าต้องการกู้ข้อมูล เอาไปให้ที่ร้านรับกู้ข้อมูล 2 TB ที่ร้านเค้าคิด 20,000 บาท ซึ่งร้านไม่รับประกันนะครับ ว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ จะได้ภาพหรือไม่ คือถ้าให้เค้าทำ ได้ไม่ได้ก็ต้องจ่ายสองหมื่นว่างั้นเถอะ ลูกค้าถอยมาตั้งรับไม่ทันกันเลยทีเดียว Harddisk พวกนี้ ก็ออกแบบมาให้แก้ปัญหาแบบนี้ครับ คือลดอัตราการเสียลง

    สรุปว่าดีขึ้นมากครับ ลดงาน service ได้มากทีเดียว แม้จะแพงกว่าแบบใช้กับคอมพิวเตอร์ปกติก็ตาม

    ไอ่ชิพ "โซนี่ " เนี่ย (Chip SONY)...มันคืออะไร??


    มีลูกค้าชอบโทรมาถามว่า "มีกล้องวงจรปิด โซนี่มั้ยคะ"ถามกันจังโซนี่เนี่ย.....

    รู้มั้ยครับว่า "กล้องโซนี่" กับ "ชิพโซนี่" เนี่ยมันคนละตัวกันอย่างแรง!

    กล้องโซนี่ มันก็คือกล้องที่ขายเป็นกล้องที่แปะ brand Sony ที่ตัวกล้องดูรูปข้างล่าง อย่างเงี้ย เค้าเรียกว่ากล้อง Sony


    ผมไม่ได้พิมพ์ผิดครับ กล้องโซนี่ราคาตัวละ $7,700  USD x 30 บาท เท่ากับ สองแสนสามหมื่นหนึ่งพันบาท เป็นกล้อง Speed dome ที่ก้มเงยซ้ายขวาได้ ไม่ได้ราคาตัวละหมื่นว่าบาทอย่างที่เข้าใจกัน!




    "อ้าวเฮ้ย แล้วที่ไอ่ชิพโซนี่ที่มันขายกันโครมๆ ตัวละพันสองพันนั่นมันอะไรกัน?"


    อธิบายก่อนว่า แผงวงจรของกล้อง CCTV นั้นจะประกอบด้วยส่วนหลักๆ คือฉากรับภาพ (Image sensor) และ ตัวประมวลผล (DSP , Chip)


         ชนิดของ Image sensor นั้นมีอยู่สองแบบคือ CCD และ CMOS ซึ่งเดี๋ยวนี้ CMOS ไม่ค่อยได้ครับความนิยมแล้วเนื่องจาก CCD ให้ภาพที่สวยกว่า (noise ต่ำ) ในราคาที่ถูกว่า CMOS มาก ทำให้เราเรียก CCD แทนคำว่า Image sensor นั่นเอง ซึ่ง Image sensor นี้จะเป็นตัวที่ทำหน้าที่คอยรับแสงเข้ามาภายในตัวกล้อง ซึ่งแต่ละพิกเซลของ Sensor จะทำหน้าที่รับแสงและเปลี่ยนค่าแสงเป็นสัญญาณอนาล็อก ส่งเข้าสู่วงจรเปลี่ยนค่าอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิตอลอีกที โดยในปัจจุบันก็จะมีหลากหลายยี่ห้อ อาทิเช่น Sony, Sharp, Panasonic และยังมีขนาดต่างๆ เช่น 1/2, 1/3, 1/4 (ขนาดยิ่งใหญ่ยิ่งแพง)


         หน่วยประมวลผลภาพ หรือ DSP (Digital Signature Processing) หรือที่เราเรียกว่า ชิพ....ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ ทำหน้าที่ประมวลผลภาพที่ได้รับมาจากตัว CCD ของกล้อง คือเป็นตัวคำนวนข้อมูลที่ได้รับจาก CCD ,ทำการควบคุมคุณภาพของภาพให้คงที่ ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีของ DSP ก็จะแตกต่างๆกันออกไปในแต่ละผู้พัฒนา (ก็เหมือนในคอมพิวเตอร์ก็จะมี AMD กับ Intel นั่นแหละ)


    (ซึ่งมันก็ไม่ได้หมายความว่า หากใช้ Image sensor ของโซนี่ แล้วจะใช้ชิพของ sonyด้วย....คนขายส่วนใหญ่ก็มั่ว...ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า CCD กับ ชิพ มันคนละตัวกันเชื่อมั้ย....) เวลาเสนอราคา/ตอนนำเสนอก็เลยเสนอมั่วๆงง ผมอ่านในเวปอื่นๆ เห็นเขียนบรรยายอย่างดี แต่เค้าเข้าใจผิดหมดเลย ซึ่งมีหลายเวปมากๆ


    ฉะนั้น เข้าใจกันเสียใหม่ว่าหากเค้าเขียนว่า

    "กล้อง Infrared  Fix Lens Type Camera Lens 1/3 inch SONY CCD" ==> กล้องนี้ เค้าใช้ CCD ที่ผลิตโดยโซนี่ "ไม่ใช่กล้องยี่ห้อโซนี่"

    "ชิป : Sony CCD 1/3" ====> กล้องนี้ เค้าใช้ CCD ที่ผลิตโดยโซนี่ และชิพโดยโซนี่ "ไม่ใช่กล้องยี่ห้อโซนี่"



    "อ้าวงง มีงี้ด้วยเหรอ นึกว่า Sony ทำเอง" ...โซนี่เก่ง แต่ไม่ได้เก่งทุกอย่าง บางอย่างจึงต้องให้คนอื่นทำเนื่องจากว่าคนอื่นอาจจะมีต้นทุนที่ดีกว่า, ฯลฯ

    มันก็เหมือนกับคอมพิวเตอร์เครื่องนึง...สมมุติว่าเป็น Dell .... คุณคิดว่า Dell เป็นคนผลิตเองทุกชิ้นส่วนหรือเปล่า?

    ใช่ครับผลิตเองแต่ไม่ทั้งหมด "ผู้ผลิต" แค่บางส่วน แต่งานหลักคือการประกอบและสร้างแบรนด์ เท่านั้น....Dellจะเอาส่วนประกอบต่างๆ จากผู้ผลิตมาประกอบยำๆกันอีกทีนึง เช่น CPU จาก Intel, Key board จาก Logitech, Harddisk จาก Seagate, จอจาก LG.....แต่เครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกขายภายใต้แบรนด์ของ Dell โอเคไหม....

    ซึ่ง Sony,หรือ Sharp เองก็เป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ ที่จะผลิต Chip เพื่อป้อนให้กับโรงงานเอาไปประกอบเป็นกล้องแต่ละยี่ห้อไงครับ


    แล้วทำไมคนขายต้องอ้างว่าใช้ชิพอะไรล่ะ.....เพราะชิพแต่ละยี่ห้อมันมีความแตกต่างกันของภาพที่ได้ ซึ่งโซนี่ทำได้ดี,สีสวย,ภาพคมกว่ายี่ห้ออื่น และที่สำคัญคือ ยี่ห้อมันติดตลาดไงครับ คนจึงนิยมอ้างยี่ห้อโซนี่กัน
    แล้วทำไมกล้องยี่ห้อดังเค้าไม่อ้างว่าเค้าใช้ชิพอะไรล่ะ อย่าง Bosch,Pleco, Panasonic เค้าไม่เห็นอ้างว่าใช้ชิพยี่ห้ออะไรเลย...


    ผมเปรียบเทียบครับ หากมีคนมาแนะนำตัวสองคน


    คนที่แรกแนะนำตัวว่า...ผมเถ้าแก่น้อย....ไม่มีใครถามต่อหรอกครับ ว่าเถ้าแก่น้อยเป็นใคร มีความสามารถอย่างไร ลูกเต้าเหล่าใคร เก่งแค่ไหน....

    คนที่สองแนะนำตัวว่า..ผมชื่อออฟ... (ออฟไหนวะ?) เป็นเจ้าหน้าที่เรื่องกล้องวงจรปิด ขายกล้องมา 6 ปี เซอร์วิสดี โทรตามเจอตลอด ฯลฯ

    สองคนนี้ความน่าเชื่อถือต่างกัน ขนาด "ออฟ" ขนาดบรรยายสรรพคุณไปเยอะก็ยังไม่น่าเชื่อถือเถ้าแก่น้อย ทำให้เวลาขายของ,เวลานำเสนอแบนด์ที่ด้อยกว่าจึงต้องหาแบรนด์ที่มาช่วยอ้างอิงเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ มันจึงทำให้ขายกล้องโนเนมได้ง่ายขึ้นไงครับ  

    กล้องวงจรปิดทุกวันนี้ก็มีเจ้าของแบรนด์เป็นคนไทยก็ ก็ไปจ้างเมืองจีนผลิตแล้วแปะแบรนด์ตัวเองเข้าไปเยอะมากๆๆๆ เมื่อตัวเองไม่มีจุดขายแบรนด์ไม่น่าเชื่อถือก็ต้องดึง Sony มาอ้างอิงครับ..... 


    ยี่ห้อดัง เค้าจะไม่อ้างว่าตัวเองใช้ชิพยี่ห้ออะไร เพราะแบรนด์เค้าดังอยู่แล้วครับ

    ทำไมต้องร้อยท่อ?

    ลูกค้าบางรายถามว่าทำไมต้องร้อยท่อ?


    1.เพราะท่อสามารถกันสัญญาณรบกวนได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่มีคลื่นแทรกทำให้ภาพที่ได้ไม่เป็นภาพลายๆ

    2.เพราะบางสถานที่มีสัตว์มาก และกล้องเรามีอินฟาเรท พอมีอินฟาเรทก็มีความร้อน หาเราเดินสายเข้าไปในที่หนูเดินผ่านมันจะกัดสายเราเอาได้


    ภาพนี้คงไม่ต้องบรรยายเลย ว่าเจ้าหนูมั่นเขี้ยวขนาดไหน

    หนูกัดสายไม่อยู่ในประกันนะครับ

    การนำกล้องวงจรปิดมาใช้ในการบริหารธุรกิจ

         มีลูกค้าโทรมาปรึกษาเรื่องกล้องวงจรปิด กับการนำไปประยุกต์ใช้กับการบริหารกิจการของผู้บริหาร

    ลูกค้าทำธุรกิจขายอาหาร มีหน้าร้านอยู่หลายที่ เดินทางไปดูแลบ่อยๆไม่ไหว แต่อยากเห็นการทำงานของลูกน้อง, สถานะภายรวมของร้าน, เพื่อป้องกันของหาย ทั้งของลูกค้าทั้งวัตถุดิบของร้าน และที่สำคัญที่สุดเพื่อประโยชน์ในด้านการบริหารของผู้บริหาร (ดู Traffic)

         เดิมมีเจ้าหน้าที่ประจำร้านเพื่อบริหาร (3ร้าน/คน) ต้องเดินทางไปๆมาๆ ทำให้มีต้นทุนในการบริหาร ทั้งค่าเดินทาง, ค่าเสียเวลา, ค่าจ้าง, ค่าพนักงานแว๊บ... ทางเจ้าของจึงได้โทรมาปรึกษาเราว่ามีทางเลือกอะไรบ้าง


    เงื่อนไขคือ

    1.ต้องมีปัญหาเรื่องการดูผ่าน internet น้อยที่สุด...

    2.ต้องการดูภาพ 15 site พร้อมกัน... เอาโปรแกรมไปจัดการให้ดูได้เลย...

    3.ภาพต้องชัด... ดูเอาเลยจากภาพข้างล่างว่าชัดมั้ย

    4.ภาพต้องใหญ่ เนื่องจากมองไม่ค่อยเห็นแล้ว....จัดจอ LCD 57 นิ้วไปต่อกับคอม


    โปรแกรมให้ไปกับลูกค้าสามารถ Add site เพิ่มได้ 64 site

     

    ใครสนใจออฟชั่นแบบนี้สามารถติดต่อเราได้ครับ อ้อ...สามารถติดไมค์ได้เพื่อเก็บเสียงพนักงานในการให้บริการลูกค้าด้วยนะครับ



    Volt Watt Amp มันคืออะไร

    แรงดันไฟฟ้า(จริงๆผมไม่ชอบคำนี้เท่าไหร่ ความหมายมันแปลกๆ) เอาเป็น...
    ศักย์ไฟฟ้า (V): พลังงานที่ประจุไฟฟ้าพาไปต่อขนาดของประจุนั้นๆ
    กระแสไฟฟ้า (A): ปริมาณประจุที่ไหลไปในช่วงเวลาหนึ่งๆ
    กำลังไฟฟ้า (Watt) = กระแสไฟฟ้า x ความต่างศักย์ไฟฟ้า (x power factor ในกรณีเป็นไฟสลับ) :อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า
    และ กำลังไฟฟ้า x เวลา = พลัังงานไฟฟ้า
    ไม่ได้เรียนทางไฟฟ้ามา
    ตอบตามความเข้าใจ
    ลองเอากระแสไฟฟ้า ไปเทียบกับน้ำประปาที่เปิดตามบ้าน
    Volt คือแรงดันไฟฟ้า =เหมือนเราเปิดก๊อกหรือเครื่องปั๊มน้ำ เปิดก๊อกจนสุดหรือเปิดเครื่องปั๊ม น้ำก็พุ่งไปไกล
    Amp คือกระแส = ขนาดของท่อน้ำ หรือสายยาง ท่อใหญ่ส่งน้ำได้มากกว่า น้ำไหลได้สะดวกกว่า
    Watt คือหน่วยวัดการใช้พลังงานไฟฟ้า = เปิดน้ำแล้วเอากกะละมังมารองน้ำไว้ น้ำในกะละมังคือWatt
    ความสัมพันธ์ของทั้งสามคือ เอาVolt x Amp = Watt
    ยกตัวอย่าง เปิดน้ำจากท่อขนาด 1 นิ้ว และ 5นิ้ว  (Ampต่างกัน) น้ำพุ่งออกจากปลายท่อไปไกล1เมตร เท่ากัน (Volt เท่ากัน)
    เอากะละมังไปรองน้ำเอาไว้ เปิดน้ำทิ้งไว้ 10วินาที แล้วปิด น้ำในกะละมังที่ได้จากท่อ 5 นิ้ว จะมีเยอะกว่า ถ้าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็คือกินไฟเยอะกว่า
    แต้ถ้าเราทำให้น้ำจากท่อขนาด1 นิ้ว พุ่งออกมาได้ไกลกว่า ท่อ5นิ้ว น้ำในกะละมังอาจจะเท่ากันหรือมากกว่าก็ได้
    สรุปคือ อยากรู้ว่าอุปกรณ์ไหนกินไฟมาก ให้ดูที่Watt ไปเลย แต่อุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่างมันก็ไม่ได้ใช้พลังงานในอัตราเท่ากันตลอด
    อย่างเช่นเตารีด วัตต์สูง  แต่พอมันร้อนก็ตัด พัดลม เปิดเบอร์ 1 2 3 ก็กินไฟต่างกัน
    ลองเอาภาพนี้ไปดูครับจะได้เข้าใจง่ายขึ้น

    Volt , Watt, Amp. มีความสัมพันธ์กันอย่าไร


    ลองเอากระแสไฟฟ้า ไปเทียบกับน้ำประปาที่เปิดตามบ้าน

    • Volt คือแรงดันไฟฟ้า =เหมือนเราเปิดก๊อกหรือเครื่องปั๊มน้ำ เปิดก๊อกจนสุดหรือเปิดเครื่องปั๊ม น้ำก็พุ่งไปไกล
    • Amp คือกระแส = ขนาดของท่อน้ำ หรือสายยาง ท่อใหญ่ส่งน้ำได้มากกว่า น้ำไหลได้สะดวกกว่า
    • Watt คือหน่วยวัดการใช้พลังงานไฟฟ้า = เปิดน้ำแล้วเอากกะละมังมารองน้ำไว้ น้ำในกะละมังคือWatt

    ความสัมพันธ์ของทั้งสามคือ เอาVolt x Amp = Watt

         ยกตัวอย่าง เปิดน้ำจากท่อขนาด 1 นิ้ว และ 5นิ้ว  (Ampต่างกัน) น้ำพุ่งออกจากปลายท่อไปไกล1เมตร เท่ากัน (Volt เท่ากัน)
    เอากะละมังไปรองน้ำเอาไว้ เปิดน้ำทิ้งไว้ 10วินาที แล้วปิด น้ำในกะละมังที่ได้จากท่อ 5 นิ้ว จะมีเยอะกว่า ถ้าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็คือกินไฟเยอะกว่า

         แต้ถ้าเราทำให้น้ำจากท่อขนาด1 นิ้ว พุ่งออกมาได้ไกลกว่า ท่อ5นิ้ว น้ำในกะละมังอาจจะเท่ากันหรือมากกว่าก็ได้

         สรุปคือ อยากรู้ว่าอุปกรณ์ไหนกินไฟมาก ให้ดูที่Watt ไปเลย แต่อุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่างมันก็ไม่ได้ใช้พลังงานในอัตราเท่ากันตลอดอย่างเช่นเตารีด วัตต์สูง  แต่พอมันร้อนก็ตัด พัดลม เปิดเบอร์ 1 2 3 ก็กินไฟต่างกัน

         ลองเอาภาพนี้ไปดูครับจะได้เข้าใจง่ายขึ้น







         เวลาที่เราต่ออุปกรณ์ ระหว่างกล้อง กับ ภาคจ่ายไฟ เช่น Adpator นั้น จะต้องดูนะครับ ว่ากล้องรับ กี่ Volt ซึ่ง Volt จะต้องเท่ากันกับ Adaptor จะมากกว่าหรือนhอยกว่าไม่ได้ แต่ Amp ไม่จำเป็นต้องเท่ากัน แค่ให้เพียงพอต่อขนาดของ Amp ที่กล้องต้องการใช้เป็นพอครับ

    กล้องวงจรปิดใช้งานยากมั้ย...กลัวซื้อไปแล้วใช้ไม่เป็น

    ลูกค้าโทรมาถามบ่อยๆ ว่าเครื่องใช้งานยากมั้ย..กลัวจะใช้ไม่เป็น, กลัวอ่านไม่ออก, กลัวใช้ยาก

    ผมจะอธิบายการใช้งานหน้าเครื่อง (หมายถึงการควบคุม, การเล่นผ่านเครื่องบันทึก) เพราะว่าการควบคุมผ่านเครื่องบันทึกนี้จะสามารถรวบคุมได้เต็มความสามารถขอเครื่อง
    โอเคเริ่มกันเลย
    การใช้งานหน้าเครื่อง จะประกอบได้ด้วย 3 โหมดใหญ่ๆ คือ
    1.การดูภาพสด
    2.การดูภาพย้อนหลัง
    3.การดึงภาพที่ต้องการออกมา
    การควบคุมหน้าเครื่องมี 3 วิธี
    1.ใช้ remote แต่ผมไม่แนะนำ เพราะว่าใช้ยากปุ่มเยอะ เข้าใจยาก
    2.การกดที่หน้าเครื่อง อันนี้ก็กดยาก ปุ่มน้อยไป -_-"
    3.ใช้เม้าส์ ผมจะแนะนำให้ลูกค้าใช้แบบนี้ เพราะง่ายที่สุด ไวที่สุด
    หากเปิดเครื่องขึ้นมาแล้วเมื่อพร้อมใช้งานแล้ว มันจะถามรหัสผ่านค่าจากโรงงานคือ "ศูนย์สี่ตัว" เสร็จแล้วกด Enter
    โหมดการดูภาพสด
    การดูภาพสดจะเป็นโหมดหลักของเครื่อง
    ภาพสดจะสามารถแสดงทุกกล้องพร้อมๆกัน (สูงสุด 16 กล้อง)ในหนึ่งหน้าจอ หรือจะสามารถแสดงผลทีละกล้องก็ได้
    หากต้องการให้แสดงภาพทีละกล้องเต็มจอก็เอาเม้าส์ไปชี้กล้องที่สนใจแล้วคลิ๊กซ้าย หากต้องการดูภาพภาพทุกกล้องก็ให้ คลิ๊กซ้ายอีกที  ทำอย่างนี้วนไปเรื่อยๆ
    สังเกตุที่สัญลักษณ์ สีเขียว...สัญลักษณ์นี้ แสดงว่ามีการบันทึกอยู่......
    เวลา ณ ปัจจุบัน แสดงด้วยสัญลักษณ์สีขาว ด้านบนของขอบจอ.....
    โหมดการดูภาพย้อนหลัง
    คลิ๊กเม้าส์ขวา เพื่อเรียกเมณูหลักของเครื่อง
    การคลิ๊กเม้าส์ขวานี้จะเป็นการเรียกเมณูหลัก ที่ใช้ควบคุม, ตั้งค่าเครื่องทั้งหมด จะต้องผ่านเมณู 6 อันนี้
    ส่วนการเล่นภาพย้อนหลัง ให้เอาเม้าส์ไปชี้ที่เมณูเหตุการณ์...
    จะมีป๊อบอัพเป็หน้าต่างเด้งขึ้นมาก
    ต้องนี้เราจะเห็นเหมือนเป็นปฏิทิน มี เดือน ปี ให้เลือก... ซึ่งตารางจะเป็นสีขาวๆเทาๆ
    เราจะต้องเลือกกล้องที่เราสนใจก่อน ว่าเราต้องการจะดูช่องไหน เมื่อเลือกกล้องที่เราสนใจแล้ว จะมีสีเขียวปรากฏขึ้น สีเขียวนี้มีความหมายว่า  "มีข้อมูล"
    หากเราต้องการวันไหนเอาเม้าส์ไปชี้แล้วคลิ๊กซ้ายเลือก ถัดมา แถบเวลาด้านล่าง เขียน 00.00 -24.00 แสดงแถบเวลาเที่ยงคืน ถึงเที่ยงคืน เราต้องการดูกี่โมงให้เราเม้าส์ไปชี้ที่แถบเวลาแล้วติ๊ก
    ซ้ายเลือก รอสัก 2 วินาที จะมีภาพแสดงเป็นภาพในอดีตขึ้นมา... หากต้องการดูช่องใดให้เต็มจอ ก็เอาเม้าส์ไปชี้ที่ช่องนั้นแล้วคลิ๊กซ้าย...เหมือนกันกับการเล่นภาพสดเลยครับ
    ด้านล่างจะมีวันที่ เวลา ที่เป็นสีเหลือง...สีเหลืองหมายถึงเวลาที่กำลังเล่นภาพอยู่ในอดีต.... ว่ากำลังเล่นภาพของเมื่อไหร่อยู่... ในขณะที่เราเล่นภาพในอดีตอยู่นี้ภาพปัจจุบันก็จะบันทึกอยู่
    ครับไม่ต้องเป็นห่วงครับ
    การเล่นภาพสดนี้เล่นในอัตรา 1: 1 ในหน่วยของเวลา หากไม่ต้องการเสียเวลาดูภาพที่เราไม่ต้องการให้ลาดเม้าส์ลงมาด้านล่างขอบจอ จะมีเมณูปรากฏขึ้น เมณูนี้ จะเหมือนกะเครื่องเล่น DVD
    เลยครับ มีเดินหน้าให้ไวขึ้น rewire ภาพให้ถอยหลัง 4x 8x 16x 32x ได้หมด... หากไม่ต้องการดูภาพแล้วกด Stop เพื่อให้ภาพกลับมาเป็นภาพสดที่เป็นโหมดหลักของเครื่อง
    โหมดการเอาข้อมูลออกมา
    ก่อนอื่นเอา USB ThumbDrive ไปเสียบที่หน้าเครื่อง ในช่องที่ USB ว่างเหลืออีก 1 ช่อง (ไม่สามารถใช้ External Harddisk ได้นะครับ)
    คลิ๊กขวาเข้าเมณูหลักของเครื่อง เลือกระบบคลิ๊กซ้าย...จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมา
    ให้เราเลือก สำรองผ่าน USB ที่เมณูด้านซ้าย
    ซึ่งเราจะต้องใส่วันที่, เวลา เริ่มต้นที่เราต้องการ ใส่วันที่, เวลา สิ้นสุด และเลือกกล้องที่มีเหตุการณ์ (กล้องที่มีเรื่องราวเกิดขึ้น) เสร็จแล้วกด สำรองข้อมูล ข้อมูลจะถูกนำไปใส่ไว้ใน USB Thumb
    Drive ทันที...


    ผมจะอธิบายการใช้งานหน้าเครื่อง (หมายถึงการควบคุม, การเล่นผ่านเครื่องบันทึก) เพราะว่าการควบคุมผ่านเครื่องบันทึกนี้จะสามารถรวบคุมได้เต็มความสามารถขอเครื่อง


    การใช้งานหน้าเครื่อง จะประกอบได้ด้วย 3 โหมดใหญ่ๆ คือ 

    1.การดูภาพสด

    2.การดูภาพย้อนหลัง

    3.การดึงภาพที่ต้องการออกมา


    การควบคุมหน้าเครื่องมี 3 วิธี

    1.ใช้ remote แต่ผมไม่แนะนำ เพราะว่าใช้ยากปุ่มเยอะ เข้าใจยาก

    2.การกดที่หน้าเครื่อง อันนี้ก็กดยาก ปุ่มน้อยไป -_-"

    3.ใช้เม้าส์ ผมจะแนะนำให้ลูกค้าใช้แบบนี้ เพราะง่ายที่สุด ไวที่สุด





    หากเปิดเครื่องขึ้นมาแล้วเมื่อพร้อมใช้งานแล้ว มันจะถามรหัสผ่านค่าจากโรงงานคือ "ศูนย์สี่ตัว" เสร็จแล้วกด Enter


    โหมดการดูภาพสด

    การดูภาพสดจะเป็นโหมดหลักของเครื่อง 

    ภาพสดจะสามารถแสดงทุกกล้องพร้อมๆกัน (สูงสุด 16 กล้อง) ในหนึ่งหน้าจอ หรือจะสามารถแสดงผลทีละกล้องก็ได้


    หากต้องการให้แสดงภาพทีละกล้องเต็มจอก็เอาเม้าส์ไปชี้กล้องที่สนใจแล้วคลิ๊กซ้าย หากต้องการดูภาพภาพทุกกล้องก็ให้ คลิ๊กซ้ายอีกที  ทำอย่างนี้วนไปเรื่อยๆ


    สังเกตุที่สัญลักษณ์ สีเขียว...สัญลักษณ์นี้ แสดงว่ามีการบันทึกอยู่......

    เวลา ณ ปัจจุบัน แสดงด้วยสัญลักษณ์สีขาว ด้านบนของขอบจอ.....


    โหมดการดูภาพย้อนหลัง

    คลิ๊กเม้าส์ขวา เพื่อเรียกเมณูหลักของเครื่องการคลิ๊กเม้าส์ขวานี้จะเป็นการเรียกเมณูหลัก ที่ใช้ควบคุม, ตั้งค่าเครื่องทั้งหมด จะต้องผ่านเมณู 6 อันนี้

    ส่วนการเล่นภาพย้อนหลัง ให้เอาเม้าส์ไปชี้ที่เมณู "แสดงเหตุการณ์" แล้วคลิ๊กซ้าย...



    จะมีป๊อบอัพเป็หน้าต่างเด้งขึ้นมาก

    ต้องนี้เราจะเห็นเหมือนเป็นปฏิทิน มี เดือน ปี ให้เลือก... ซึ่งตารางจะเป็นสีขาวๆเทาๆ

    เราจะต้องเลือกกล้องที่เราสนใจก่อน ว่าเราต้องการจะดูช่องไหน เมื่อเลือกกล้องที่เราสนใจแล้ว จะมีสีเขียวปรากฏขึ้น สีเขียวนี้มีความหมายว่า  "มีข้อมูล"

    หากเราต้องการวันไหนเอาเม้าส์ไปชี้แล้วคลิ๊กซ้ายเลือก 


    ถัดมา แถบเวลาด้านล่าง เขียน 00.00 -24.00 แสดงแถบเวลาเที่ยงคืน ถึงเที่ยงคืน เราต้องการดูกี่โมงให้เราเม้าส์ไปชี้ที่แถบเวลาแล้วติ๊ก


    ซ้ายเลือก รอสัก 2 วินาที จะมีภาพแสดงเป็นภาพในอดีตขึ้นมา... หากต้องการดูช่องใดให้เต็มจอ ก็เอาเม้าส์ไปชี้ที่ช่องนั้นแล้วคลิ๊กซ้าย...เหมือนกันกับการเล่นภาพสดเลยครับ ... ด้านล่างจะมีวันที่ เวลา ที่เป็นสีเหลือง...สีเหลืองหมายถึงเวลาที่กำลังเล่นภาพอยู่ในอดีต.... ว่ากำลังเล่นภาพของเมื่อไหร่อยู่... ในขณะที่เราเล่นภาพในอดีตอยู่นี้ภาพปัจจุบันก็จะบันทึกอยู่ครับไม่ต้องเป็นห่วงครับ


    การเล่นภาพสดนี้เล่นในอัตรา 1: 1 ในหน่วยของเวลา หากไม่ต้องการเสียเวลาดูภาพที่เราไม่ต้องการให้ลาดเม้าส์ลงมาด้านล่างขอบจอ จะมีเมณูปรากฏขึ้น เมณูนี้ จะเหมือนกะเครื่องเล่น DVD 


    เลยครับ มีเดินหน้าให้ไวขึ้น rewire ภาพให้ถอยหลัง 4x 8x 16x 32x ได้หมด... หากไม่ต้องการดูภาพแล้วกด Stop เพื่อให้ภาพกลับมาเป็นภาพสดที่เป็นโหมดหลักของเครื่อง


    โหมดการเอาข้อมูลออกมา

    ก่อนอื่นเอา USB ThumbDrive ไปเสียบที่หน้าเครื่อง ในช่องที่ USB ว่างเหลืออีก 1 ช่อง (ไม่สามารถใช้ External Harddisk ได้นะครับ)

    คลิ๊กขวาเข้าเมณูหลักของเครื่อง เลือกระบบคลิ๊กซ้าย...จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมา



    ให้เราเลือก สำรองผ่าน USB ที่เมณูด้านซ้าย

    ซึ่งเราจะต้องใส่วันที่, เวลา เริ่มต้นที่เราต้องการ ใส่วันที่, เวลา สิ้นสุด และเลือกกล้องที่มีเหตุการณ์ (กล้องที่มีเรื่องราวเกิดขึ้น) เสร็จแล้วกด สำรองข้อมูล 


    ข้อมูลจะถูกนำไปใส่ไว้ใน USB Thumb Drive ทันที...


    ปล. ทั้งนี้เราสามารถเปลี่ยนภาษาให้เป็นภาษาที่เราถนัดได้ หลากหลายภาษา


    เอาเลนส์มุมกว้างมาติดใกล้ๆ กับ เอาเลนส์มุมแคบ(เทเล) ส่องจากๆไกลๆ ภาพที่ได้เหมือนกันมั้ย?

    ไปเจอลูกค้าบางท่านอยากติดกล้องที่เลนส์มีทางยาวโฟกัสสูงๆ ที่เรียกว่าเลนส์เทเล (ลูกค้าชอบเรียกเลนส์ซูม) ทั้งๆที่เราสามารถติดกล้องมาตราฐานในตำแหน่งอื่นๆได้


    สำหรับกล้องวงจรปิดถามผมว่าดีมั้ย...ผมว่า "ไม่" เพราะอะไร?


    ก่อนอืนใครที่ยังไม่ได้อ่านบทความว่า  "เลนส์เลือกอย่างไร" ให้ไปอ่านก่อนจะได้เข้าใจพื้นฐานตรงกัน


    1. perspective ของเลนส์เทเลจะแคบ ทำให้ภาพสิ่งแวดล้อม หรือพื้นที่ที่เราจะได้ภาพแคบลง

    ภาพข้างล่างแสดงให้เห็นว่าเลนส์แต่ละช่วงความยาวโฟกัส จะให้ภาพที่ได้แตกต่างกันอย่างไร

    สิ่งที่เราทำไป..เราเปลี่ยนเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสต่างๆกัน และเลื่อนตำแหน่งกล้อง เข้า-ออก เพื่อให้เก้าอี้มีขนาดภายในภาพเท่าเดิม แล้วดูว่ามุมมองศาของภาพที่ได้แตกต่างกันอย่างไร? (เราไม่ได้เลื่อนวัตถุภาพในภาพ หรือเก้าอื้เลยนะครับ)

    ภาพข้างบนจะเห็นได้ว่า ขนาดวัตถุที่เราสนใจ(เก้าอี้)มีขนาดเท่าเดิม แต่ความกว้างของฉากหลัง (ฉากหลังในที่นี้หมายถึงวัตถุภายในภาพที่ไม่ใช่เก้าอี้) จะไม่เท่ากันหากเปลี่ยนเลนส์...

    สรุปคือ

    ยิ่งใช้เลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสน้อย (เลนส์ Wide) ก็จะยิ่งได้ฉากหลังที่กว้าง

    ยิ่งใช้เลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสสูง (เลนส์ Tele) ก็จะยิ่งได้ฉากหลังที่แคบ


    ยิ่งใช้เลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสน้อย (เลนส์ Wide) ฉากหลังจะถูกดันออกไปให้ไกลกว่าปกติ

    ยิ่งใช้เลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสสูง (เลนส์ Tele) ฉากหลังจะถูกดึงเข้ามาให้ใกล้กว่าปกติ


    ดูรูปประกอบจะได้เข้าใจมากขึ้น


    2. ช่วงของความคมชัดลดแคบลง ช่างภาพเรียกว่าชัดตื้น ซึ่งกล้องวงจรปิดต้องการภาพ "ชัดลึก" เพราะต้องการให้ชัดตลอดช่วง

        เปรียบเทียบภาพที่ 1 ฉากหลังจะชัดมาก เมื่อเปรียบเทียบกับภาพที่ 4 ฉากหลังจะมีความเบลอให้เห็น


    3. หากกล้องมีการสั่นสะเทือน จะเกิดอาการเบลอได้ง่ายกว่า

        เหมือนกับเวลาที่เราส่องกล้องส่องทางไกล (ไม่รู้ตอนเด็กๆเคยเล่นกันไหม)

        หากเรากล้องขยับนิดเดียว ภาพที่เรามองเห็นก็จะขยับไปมากมาย ส่งผลให้ภาพที่ได้เบลอ(ทั้งภาพ)ได้ง่ายกว่าเลนส์ซูม


    4. เลนส์เทเลมีราคาแพงกว่าเลนส์ปกติ


    หากมันไม่ดีกว่า แล้วเค้าผลิตทำออกมาทำไม?


         เค้าทำออกมาเพราะว่างานบางงานเราไม่สามารถจะลากกล้องไปตั้งใกล้ๆกับวัตถุที่เราอยากดูได้มันไม่สะดวก เช่น ประคารอยากดูเรือในทะเล, ไม่สะดวกจะเดินสายไฟ, หากติดกล้องธรรมดา ต้องเดินสายผ่านในที่ของบุคคลอื่น, หากติดกล้องใกล้เกินไปอาจจะเสียงต่อการถูกทำลายได้ เป็นต้น



    โดยปกติเราจะให้ใช้กล้องมาตราฐานก่อน หากไม่ได้จริง ถึงจะให้ใช้ที่มีเลนส์ทางยาวโฟกัสสูงกว่างมาตราฐาน (หากเลือกไม่ได้จริงๆ)


    ฉะนั้นโดยปกติแล้ว งานตามบ้านทั่วไปผมจึงแนะนำกล้องมาตราฐาน (มาตราฐานของกล้องวงจรปิดเป็น lens wide) ให้ลูกค้าก่อน หากไม่สมารถติดกล้องมาตราฐานได้จึงเปลี่ยนกล้องเป็นเลนส์ tele ต่อไปครับ....




    กล้องวงจรปิด CCTV ยี่ห้ออะไรดี?

    กล้องวงจรปิดยี่ห้อไรดี....???  น่าจะเป็นคำถามแรกๆ ที่เกิดขึ้นในใจ เมื่อเราอยากจะติดกล้องวงจรปิด


    ยี่ห้อของกล้องวงจรปิดที่เราเห็นๆกันตามบ้านเราส่วนใหญ่นั้นเป็นยี่ห้อ OEM แทบทั้งสิ้น...คือเป็นยี่ห้อที่ผู้นำเข้าไปจ้างเค้าผลิต แล้วเอาตราสินค้าตัวเองมาแปะเข้าไป....


    เนื่องมากจากว่าต่างประเทศมีต้นทุนการผลิต และเทคโนโลยีในการผลิตที่ได้เปรียบกว่า...


    ก่อนอื่น ผมจะแบ่งกลู่มสินค้า เป็นพวกๆ เพื่อให้เห็นภาพชัดๆก่อนนะครับ




    เอากลุ่มแรกก่อนละครับ สินค้ายุโรป ก็เป็นพวกแบรนด์ Pleco, Bosch

          อันนี้เขาใช้กันในที่ที่ "งบไม่อั้น" เช่น สนามบิน ท่าเรือ โรงกลั่น หรือในที่ที่ซีเรียส คืออัตราการเสียต้องแทบไม่มี หรือมีไม่ได้เลย...งงสิครับว่าทำไม....ลองนึกภาพว่ากล้องวงจรปิดที่สนามบินเสีย ไม่ต้องถึงขนาดที่ runway แล้วต้องเอารถเครนขึ้นไปแก้นะครับ เอาแค่ตรง terminal ก็พอ... ต้องกั้นพื้นที่ ต้องเอารถเครนตักคนขึ้นไปแกะลงมา เสร็จแล้วเอากลับขึ้นไปติดใหม่ เคาเตอร์ที่ต้องปิด.. ค่าเสียโอกาสที่ตามมาอีก...พวกนี้ถึงต้องใช้ของที่มีความสเถียรสูงครับ แต่ก็ต้องยอมแลกกับค่าตัวที่แพงเอาเรื่องเลยละครับ...


    อันต่อมาครับ สินค้าญี่ปุ่น ก็เป็นพวกแบรนด์ Sony, Sanyo, Panasonic, Samsung

          อันนี้คนที่มีงบหน่อยก็เลือกใช้กัน เพราะงานประกอบค่อนข้างดี และมีคุณภาพที่เชื่อถือได้...ก็นะครับ งานญี่ปุ่น ก็รู้ๆกันอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ก็ย้ายฐานการผลิตไปที่จีนหมดแล้ว แต่อย่างไรซะเจ้าของแบรนด์เค้าก็มีขั้นตอน QC ที่เข้มงวดอยู่แม้ว่าจะผลิตที่จีนก็ตาม..(แต่ก็ไม่เท่าที่ทำในญี่ปุ่นอยู่ดี) แบรนด์พวกนี้งานดีครับ จับดูก็รู้เลย ต่างกับอีกสองแบบข้างล่าง ทั้งน้ำหนัก วัสดุ และงานประกอบ


    อันที่สาม ตลาดไต้หวัน ก็เป็นพวกแบรนด์ AVTech, HIKVision, Dahua

            อันนี้ภูมิใจนำเสนอ เนื่องจากว่าราคาไม่แพงเวอร์ และคุณภาพก็ใช้งานได้...คือมันสมเหตุสมผล คือ หากเป็นงานที่ไม่ซีเรียส เช่นพวกธนาคาร, ร้านทอง, อะไรที่เกี่ยวข้องกับการเสี่ยงสูง หรือเฝ้าระวังทรัพย์สินมูลค่ามากๆ (แบบว่าม๊ากมาก) ก็แนะนำให้ใช้แบบนี้มากกว่า คือมันจะแพงกว่าของจีนนิดหน่อยครับ แค่หลักร้อย แต่ว่าอยู่ทนกว่าและภาพก็สวยกว่าของห่วยๆของจีนเยอะครับ


    สุดท้าย ตลาดจีน ก็เป็นพวกแบรนด์ ที่ไม่ได้เอ่ยมาเพราะว่าเยอะมาก....

          อันนี้เอาราคาดีอย่างเดียว เรียกว่าขายทิ้งเอาปริมาณไม่เน้น service คุณภาพของภาพก็ไม่สวย ไม่ชัด และใช้ได้ไม่นาน งานประกอบและวัสดุก็ไม่ได้เรื่อง เสียเยอะมาก...น่ารำคาญเป็นที่สุด ดีอย่างเดียวคือถูก..

          เดี๋ยวนี้มีโรงงานที่จีนรับผลิตและปั๊มตราให้ตามที่มีออเดอร์...คืออยากได้ยี่ห้ออะไร สั่งได้เลย ยี่ห้อในบ้านเรามันถึงเยอะมากๆเป็นร้อยๆแบรนด์....ร้านบ้านแถวๆบ้านหม้อเขาก็ทำแบบนี้แหละ แล้วแปะตราเอา...แต่ละ lot ที่สั่งเข้ามาก็คุณภาพไม่เท่ากัน โมเดลเดียวกันโรงงานเดียวกันหรือเปล่ายังไม่รู้เลย


          แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าตราสินค้านี้ OEM มา....เช็คง่ายๆครับ เข้า google .... แล้ว search หาเลยครับว่าในหน้าต่างประเทศนี้มียี่ห้อนี้มั้ย ต่างประเทศเค้าพูดถึงกันมั้ย...หรือว่ามีแต่ในประเทศไทย... ง่ายมั้ยครับ


    ผมแนะนำว่าหากจะเลือกไปติดตั้งให้เลือกตั้งแต่ของไต้หวันขึ้นไปครับ เพราะ "ติดแล้วจบ"


        ทีนี้เวลาเลือกมันขึ้นอยู่กับว่า เราเอากล้องไปใช้งานในลักษณะไหน หากกล้องเสียในเวลาที่คับขันได้มั้ย สินทรัพย์ที่เราเฝ้าระวังมีค่าแค่ไหน หากกล้องเสียแล้วต้องลางาน มาเฝ้างานช่างบ่อยได้มั้ย จริงๆแล้วมันอยู่ที่ว่าเวลาของเรา (เจ้าของบ้าน) มีค่าแค่ไหน...จริงไหมครับ



    Lux คืออะไร? แล้วบ้านฉันมันกี่ Lux ล่ะ

    ความไวแสง (SENSITIVITY)

    Lux ที่เป็นหน่วยของการวัดความเข้มแสงหรือความสว่างต่อพื้นที่

    การที่เราจะรู้ว่าที่ตรงนี้สว่างเท่าไหร่ ต้องเกิดจากการคำนวน หรือเอาเครื่องมือไปวัดครับ ไม่สามารถดูข้างรายละเอียดที่ข้างกล่องของหลอดไฟได้ เพราะว่ามันวัดจากความสว่างที่ตกกระทบต่อพื้นที่

    เอาให้เข้าใจง่ายก็อารมณ์กล้องคล้ายๆกับ ISO ในกล้องถ่ายรูปหล่ะครับ...

    ปัญหาคือ "เออ ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันคือหน่วยบอกความสว่าง แต่ฉันอยากรู้ว่า สภาพแสงในบ้านฉันมันประมาณเท่าไหร่ล่ะ"


    ผมเลยแจงคร่าวๆ แบบนี้ครับ แค่เอาให้เห็นไป idea


    สภาพแสงค่าความสว่าง โดยประมาณ
    แสงแดดจ้าในตอนกลางวัน     
    10,000 LUX
    ภายในสำนักงานทั่วไป500 LUX
    ภายในลานจอดรถ   
    100 LUX
    แสงไฟถนน  
    10 LUX
    พระจันทร์เต็มดวง0.1 LUX


    เพราะฉะนั้นสภาพแสงไฟภายในบ้านตอนที่ไม่ได้เปิดไฟก็ต่ำกว่า 0.1 Lux ครับ จึงต้องใช้ infrarateเข้าช่วยครับ

    ความไวแสง (SENSITIVITY)

                   จาก การก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้กล้องรุ่นใหม่มีความไวแสงมากขึ้น สามารถใช้งานในสภาวะที่ต่ำกว่า 1 LUX ซึ่งก็คือสภาพแสงที่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ตัวเลขสภาวะแสงนั้นบางท่านอาจไม่ทราบว่า มีค่าเท่าไรบ้างจึงขอยกตัวอย่างให้ดูดังนี้

    แสงแดดจ้าในตอนกลางวัน 10,000 LUX
    ภายในสำนักงานทั่วไป 500 LUX
    ภายในลานจอดรถ 100 LUX
    แสงไฟถนน 10 LUX
    พระจันทร์เต็มดวง 0.1 LUX